สตาร์ทเหมือนขาขาด หลังพลาดสี่แชมป์!
ลิเวอร์พูล เริ่มต้นครึ่งฤดูกาลแรก 2022-23 ได้อย่างน่าผิดหวัง ชนิดที่ไม่เหลือฟอร์มการเล่นจากฤดูกาลที่แล้ว ที่เกือบคว้าโทรฟี่มาครองได้ครบทุกถ้วย
ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เกือบจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกในอังกฤษ ที่สามารถคว้าแชมป์ได้ในทุกถ้วยที่ลงแข่งขันภายในระยะเวลาแค่หนึ่งซีซั่น แต่พวกเขากลับพลาดท่าให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเพียงแค่แต้มเดียวในเกมลีค และการปราชัยต่อ เรอัล มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้ฝันสลายในพริบตาเดียว
‘หงส์แดง’ มีช่วงซัมเมอร์ที่น่าสนใจ โดยสร้างความตื่นเต้นในแนวรุกด้วยการทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรในการคว้าตัว ดาร์วิน นูนเญซ เข้ามาร่วมทีม เพื่อทดแทนการออกจากทีมไปของ ‘ณเดชน์’ ซาดิโอ มาเน่ และ ‘มหาเทพ’ดิว็อค โอริกี
การเข้ามาของศูนย์หน้าชาวอุรุกกวัย เป็นเหตุผลให้ ลิเวอร์พูล ต้องเปลี่ยนรูปแบบการเล่นในช่วงแรกเพื่อให้เข้ากับสไตล์การเล่นของเจ้าตัว ในที่สุดทีมต้องสูญเสียรูปแบบการเข้าทำที่เป็นเอกลักษณ์ของทีมตลอดช่วง 5 ฤดูกาลหลังสุ หนำซ้ำ อดีตดาวยิง ‘เหยี่ยวลิสบอน’ ยังคงมีปัญหาด้านการปรับตัวทั้งในและนอกสนาม โดยเฉพาะการรับมือแรงกดดันของจากค่าตัว และความคิดเห็นบนโลก Social Media
แต่ถึงอย่างนั้น จะโทษเพชฌฆาตรายนี้อย่างเดียวก็ไม่ได้ เมื่อพวกเขาทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 10 ปีของสโมสร โดยในพรีเมียร์ลีก สามารถเก็บได้เพียง 10 คะแนนจาก 8 นัดแรก กว่าจะควานหาชัยชนะเจอก็ปาไปนัดที่ 4 ของฤดูกาล ทั้งๆที่ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล คือ ทีมที่พร้อมบดขยี้คู่แข่งอยู่ตลอดเวลา
ส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ส่งผลกระทบกับพวกเขาโดยตรงที่สุด คือ การที่ฤดูกาลก่อน พลพรรค ‘เร้ดแมชชีน’ ลงทำการแข่งขันไปครบทุกนัด 63 เกม และมีช่วงปิดฤดูกาลที่สั้นลงกว่าปกติเพื่อเตรียมหลีกทางให้กับฟุตบอลโลก ทำให้แข้งหงส์แดงมีปัญหาอาการบาดเจ็บสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน จนยังไม่สามารถใช้ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ดีที่สุดของทีมลงแข่งขันได้ในปีนี้
ต้องติดตามว่า สุดท้ายแล้ว ลิเวอร์พูล จะไปจบลงที่ตรงไหนของฤดูกาลนี้
เขียนโดย What The Fluke The Lite Team.